บริษัท The Chardonnay จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง บริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของภูเก็ต กับ บริษัท Finfinite Asset จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนด้านการเงิน ได้จัดงานเปิดตัวโครงการ “The Petit Tycoon ” คอนโดมิเนียมหรูระดับลักซูรี่ ในพื้นที่หาดสุรินทร์ ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยมี นายมาโนช พันธุ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต กล่าวต้อนรับและแสดงความยินดี พร้อมด้วย นายบุญ ยงสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ภูเก็ตโบ๊ทพัฒนา จำกัด กล่าวถึงการร่วมลงทุนในโครงการ “The Petit Tycoon ” ระหว่าง บริษัท โบ๊ทพัฒนา จำกัด กับ บริษัท Finfinite Asset จำกัด และนายภาณุพงศ์ กริชจนรัช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท The Chardonnay จำกัด กล่าวแนะนำโครงการกับแขกผู้มีเกียรติ และลูกค้าที่ร่วมเปิดตัวโครงการ เมื่อวันที่ 28 ก.ย.2567 ณ เดอะ สุรินทร์ ภูเก็ต
นายภาณุพงศ์ กริชจนรัช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท The Chardonnay จำกัด กล่าวว่า โครงการ “The Petit Tycoon ” ที่ได้มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซูรี่และพลาซ่า ที่เกิดจากการร่วมลงทุนระหว่าง บริษัท โบ๊ทพัฒนา กับ บริษัท Finfinite Asset ซึ่งสองบริษัทนี้เป็นของนักลงทุนในท้องถิ่นภูเก็ต ที่จะร่วมกันพัฒนาที่ดินแปลงหนึ่งบนหาดสุรินทร์ เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ที่เปรียบเสมือนเพชรเม็ดงาม ให้มีทั้งคอนโดมิเนียมระดับลักซูรี่ และพลาซ่า
การเลือกลงทุนในพื้นที่หาดสุรินทร์นั้น เพราะมองว่าเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูง เป็นทำเลทองของธุรกิจอสังหาฯ ที่นักลงทุนทั้งจากส่วนกลางและท้องถิ่นภูเก็ตต่างมุ่งหน้ามาลงทุนยังทำเลทองนี้ เพราะเป็นพื้นที่ลูกค้าชาวต่างชาติและคนไทยให้ความสนใจเลือกซื้อคอนโดฯและพูลวิลล่า เพื่ออยู่อาศัยและเพื่อการลงทุน และก่อนหน้านี้ ทางโบ๊ทพัฒนาเองได้มีการลงทุนในพื้นที่ย่านเชิงทะเล ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหาดสุรินทร์อย่างต่อเนื่องมาแล้วหลายโครงการ เราจึงมั่นใจในศักยภาพของพื้นที่หาดสุรินทร์ ที่ยังคงเป็นพื้นที่ที่คนไทยและต่างชาติต้องการซื้อคอนโดฯ เพื่อลงทุนและเป็นบ้านหลังที่สอง และยิ่งคอนโดฯระดับบนด้วยแล้ว จะยิ่งตอบโจกท์ความต้องการ
นายภาณุพงศ์ กล่าวต่อว่า โครงการ “The Petit Tycoon ”นั้น แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 ส่วน คือ ในส่วนของคอนโดมิเนียม จะเป็นคอนโดมิเนียมระดับลักซูรี่ มี 2 อาคาร จำนวน 77 ยูนิต ที่มีตั้งแต่ 1 ห้องนอน ไปจนถึง 4 ห้องนอน มีทั้งห้องที่เป็นสกายพลูวิลล่า และห้องเพนเฮ้าส์ ราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท ไปจนถึง 50 ล้านบาท พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันระดับ 5 ดาว ที่ถูกให้ลูกค้าเลือกกว่า 27 แบบ และ 3 คลอเลกชั่น คือ Magnate, Magnate Exclusive และ Tycoon พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันระดับ 5 ดาว ในบรรยากาศที่สงบและมีความเป็นส่วนตัวสูง มูลค่าการลงทุนรวมทั้งสองส่วนอยู่ที่ 1,500 ล้านบาท
“เราเลือกลงทุนคอนโดฯที่เป็นระดับลักซูรี่ในที่ดินแปลงที่หาดสุรินทร์ เพราะเรามองว่าการลงทุนคอนโดมิเนียมระดับกลางนั้น มีการลงทุนอยู่แล้วหลายๆโครงการในย่านนี้ ทางเราจึงตัดสินใจพัฒนาโครงการระดับบน เพื่อไม่ต้องแข่งขันกับรายอื่นๆ และเพื่อเป็นการสร้างทางเลือกให้กับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการคอนโดฯระดับบน เช่น ลูกค้าชาวต่างชาติที่มีความต้องการห้องพักที่เป็นพูลวิลล่า เราจึงทำห้องที่เป็นสกายพูลวิลล่า 8 ห้อง และเพนเฮาส์อีก 6 ห้อง เพื่อให้กลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติสามารถถือครองได้อย่างถูกกฎหมายและเพื่อเป็นการจุดประกายให้มีการนักลงทุนหันมาพัฒนาโครงการระดับบนเพิ่มขึ้น” นายภาณุพงศ์ กล่าวและว่า
ส่วน Tycoon Marche จะเป็นแหล่งการค้าและแลนด์มาร์กใหม่ของหาดสุรินทร์ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายความเป็นท้องถิ่นภูเก็ต โดยเน้นร้านค้าในภูเก็ตที่เป็นร้านอาหารเด็ดๆ ดังๆ ของภูเก็ต สปา และร้านค้ากว่า 20 ร้าน บนพื้นที่กว่า 2,900 ตร.ม.และพื้นที่ช้อปปิ้งกว่า 6,000 ตร.ม.
สำหรับลูกค้าเป้าหมายที่วางไว้นั้น มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ระดับบน ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเพื่อการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่ 2 มาพักผ่อนในช่วงสุดสัปดาห์ 2-3 วัน แบบลองวีคเอนด์ หรือมาสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนฝูง ที่มีความเป็นส่วนตัว ไม่ต้องการเพื่อนบ้านที่มีจำนวนมากนัก เพราะเรามีเพียง 77 ยูนิต 2 ตึกเท่านั้น ซึ่งคิดว่าโครงการ The Petit Tycoon จะตอบโจกท์ลูกค้ากลุ่มนี้
และจากการที่เราได้เปิดขายไปก่อนหน้าที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้ ปรากฏว่าการตอบรับดีมากๆ โดยเฉพาะฐานลูกค้ากลุ่มเก่าที่เคยซื้อบ้านกับทางโบ๊ทพัฒนาได้มาจองโครงการในส่วนของตึก A ไปแล้วประมาณ 50% ของทั้งหมด 44 ยูนิต ซึ่งลูกค้าที่จองส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยทั้งในภูเก็ต กรุเทพฯ เชียงใหม่ หาดใหญ่ พังงา และจังหวัดอื่นๆ รวมทั้งลูกค้าชาวต่างชาติ โดยซื้อเพื่ออยู่อาศัยประมาณ 30% ที่เหลือซื้อเพื่อการพักผ่อนในช่วงลองวีคเอนด์ และซื้อเพื่อการลงทุน
โดยตามแผนที่ไว้วางจะเริ่มก่อสร้างภายในสิ้นปี 2567 นี้ เพราะการศึกกาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ผ่านการเห็นชอบแล้ว รวมทั้งยอดจองในส่วนของตึกแรกนั้นไปแล้วประมาณ 50% ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2 ปี คาดว่าจะแล้วเสร็จและโอนให้ลูกค้าได้ประมาณปี 2569
นายภานุพงศ์ กล่าวในตอนท้ายถึงแนวโน้มการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ว่า ความต้องการอสังหาฯในภูเก็ต ทั้งคอนโดฯ พลูวิลล่า ยังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ เพียงแต่เราจะพัฒนาโครงการอย่างไรให้ตรงกับความต้องการและตอบโจทก์ลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ และที่สำคัญจะต้องถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงการออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่มาพัฒนาโครงการและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า เช่น การพัฒนาห้องพลูวิลล่าภายในคอนโดฯ เพื่อที่ลูกค้าที่เป็นชาวต่างชาติสามารถครอบครองได้อย่างถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อไม่ให้ส่งผลต่อความมั่นคงของภูเก็ตและประเทศชาติ ดังนั้นตัวห้องพักที่จะสร้างเพื่อขายคนต่างชาติ จะต้องเป็นห้องพักขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อให้ได้กลุ่มชาวต่างชาติระดับบนเข้ามาลงทุนและอยู่อาศัยัในภูเก็ตเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อภูเก็ตโดยตรง และการพัฒนาโครงการ The Petit Tycoon ในครั้งนี้ เราหวังที่จะจุดประกายให้นักลงทุนหันมาพัฒนาโครงการระดับบนเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าคุณภาพในภูเก็ตเพิ่มขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้