#ไม่ใช่ทางสาธารณะ! ..ทางลงหาดแหลมกาใหญ่ อีกหนึ่งชายหาดที่อยู่ในกระแส #ทวงคืนชายหาดสาธารณะ
จากการลงพื้นที่ของแอดมินเพจ #andamantopnews ณ จุดประตูรั้วสังกะสีสีเขียว ซึ่งมีการปิดล็อคกุญแจอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันไม่ให้คนหรือรถยนต์ผ่านเข้าไปในพื้นที่ของผู้ที่อ้างเอกสารสิทธิ์ถือครองที่ดินผืนใหญ่เนื้อที่กว่า 150 ไร่ ซึ่งอยู่ติดกับ #หาดแหลมกาใหญ่ ต.ราไวย์ อ.เมืองภูเก็ต
ถ้ามองลอดประตูรั้วสังกะสีดังกล่าวออกไป จะเห็นเส้นทางที่ทอดยาวไปจนถึงชายหาดแหลมหงา ระยะทางกว่า 200 เมตร และจากการสอบถามชาวบ้านรายหนึ่งในพื้นที่ ทราบว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินผืนนี้เดิมเป็นของทุนท้องถิ่นในภูเก็ต และปัจจุบันได้เปลี่ยนกรรมสิทธิ์เป็นของทุนต่างชาติสิงคโปร์ และมีความประสงค์จะขายที่ดินผืนนี้ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 150 ไร่ มูลค่าซื้อขาย 3,750 ล้านบาท
อดีตเมื่อประมาณสิบยี่สิบปีที่ผ่านชาวบ้านทั้งในและนอกพื้นที่สามารถใช้เส้นทางในที่ดินผืนนี้ ซึ่งเป็นสวนมะพร้าว เพื่อขับรถผ่านหรือเดินลงไปยังหาดแหลมกาได้นั้น เนื่องจากเจ้าของที่ดินเดิมได้เปิดร้านอาหารและบังกะโล ทำให้คนที่เข้าไปใช้บริการ เดินลงไปยังชายหาดได้ ซึ่งไม่ใช่ทางสาธารณะหรือที่ดินที่อยู่ในภาวะจำยอม แต่เป็นเส้นทางเล็กๆที่เจ้าของที่ดินเดิมสร้างขึ้น
แต่หลังจากปิดกิจการลงและได้เปลี่ยนมือไปเป็นของทุนต่างชาติสิงคโปร์ และได้มีการสร้างรั้วเป็นแนวเขตปิดกั้นพื้นที่เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ทำให้ชาวบ้านไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ลงไปยังหน้าหาดได้อีก ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่เองก็ไม่มีใครเดือดร้อน หรือเรียกร้องให้มีการเปิดพื้นที่ลงชายหาดแต่อย่างใด เนื่องจากเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดินที่จะทำได้ เป็นที่ส่วนบุคคล
จนกระทั่งมามีเหตุการณ์ฝรั่งเตะหมอ ในพื้นที่หาดยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง ได้ลุกลามสู่การเรียกร้องทวงคืนชายหาดสาธารณะ และหาดแหลมกาใหญ่ ก็เป็นหนึ่งชายหาดที่อยู่ในกระแส #ทวงคืนชายหาดสาธารณะ
และจนนำมาสู่การตั้งคำถามของคนในพื้นที่
“ปีหนึ่งคุณมาเที่ยวกี่ครั้ง?”
“ในความคิดส่วนตัว พวกผมคนแค่ๆ ยังไม่เดือดร้อน แล้วคุณเป็นใครคุณถึงเดือดร้อน”
“สมมุติว่าถ้าเป็นทางสาธารณะ แล้วเค้ามาปิด ไม่ต้องถึงมือพวกคุณมั้ย พวกผมตรงนี้แหละที่ต้องจัดการเรียบร้อยแล้ว“
ส่วนสาเหตุที่เจ้าของที่ดินต้องทำรั้วปิดกั้นพื้นที่ และจ้างรปภ.มาดูแลความปลอดภัย เพื่อป้องกันการเข้าไปลักทรัพย์ การเข้าไปมั่วสุมเสพยา และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคดีอาชญากรรมในพื้นที่